ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

เผยแล้ว! เหตุที่ แม่อุ้มบุญชาวไทยันไม่ยกลูก ให้คู่เกย์ ที่แท้เป็นเป็นแบบนี้

เผยแล้ว! เหตุที่ แม่อุ้มบุญชาวไทยยันไม่ยกลูก ให้คู่เกย์ ที่แท้เป็นเป็นแบบนี้







          คู่ชายรักชายจากสหรัฐฯ ทำแคมเปญวอนแม่อุ้มบุญชาวไทย ยอมอนุญาตให้ลูกสาว น้องคาร์เมน กลับบ้านกับครอบครัว ล่าสุด แม่อุ้มบุญชาวไทย ยืนยันไม่ยกน้องคาร์เมนให้ เหตุทั้งคู่มีพฤติกรรมน่าสงสัย

          ปัญหาเรื่องการอุ้มบุญในไทย กลายเป็นประเด็นขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อชายรักชายจากสหรัฐอเมริกาคู่หนึ่ง ตัดสินใจมีลูกคนที่ 2 ด้วยวิธีอุ้มบุญ กับคุณแม่อุ้มบุญชาวไทย ผ่านบริษัทตัวแทนที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง โดยในช่วงแรก ๆ ทุกอย่างก็ราบรื่นดี น้องคาร์เมน ลูกสาวของพวกเขา ถือกำเนิดจากการผสมเทียม โดยใช้สเปิร์มของคุณพ่อ และไข่ของผู้บริจาคชาวไทยคนหนึ่ง โดยมีคุณ "ปทิตตา" หญิงชาวไทย อาสามารับอุ้มบุญ ซึ่งคาร์เมนก็ถือกำเนิดมาอย่างสมบูรณ์แข็งแรงและมีความสุข ขณะคุณแม่อุ้มบุญก็ได้ตกลงเซ็นสัญญาตั้งครรภ์แบบอุ้มบุญเพื่อจะได้รับค่าตอบแทน และก็ได้รับค่าตอบแทนไปเรียบร้อยแล้ว

          ต่อมาเมื่อคู่รัก 2 หนุ่ม เดินทางมาประเทศไทยเผื่อการคลอดของคาร์เมน และจะรอรับลูกสาวของพวกเขากลับบ้าน เขากลับต้องผิดหวัง เมื่อคุณแม่อุ้มบุญเกิดเปลี่ยนใจ ไม่ยอมทำตามสัญญา หลังจากที่ได้รู้ว่า พวกเขาเป็นคู่รักเพศเดียวกัน เพราะในสายตาเธอ พวกเขาไม่ใช่ครอบครัวปกติ และหลังจากที่เธอรู้ เธอก็ไม่ให้ความร่วมมือใด ๆ ทั้งสิ้น ในกระบวนการพาคาร์เมนกลับบ้านตามที่ได้ตกลงกันไว้ตั้งแต่แรก โดยก่อนหน้านี้บริษัทตัวแทนจัดการผสมเทียม ก็ไม่ได้ตักเตือนพวกเขาว่า การเป็นพ่อแม่เพศเดียวกัน จะมีปัญหาในการรับเลี้ยงดูลูกที่เกิดจากการอุ้มบุญ ซึ่งหากพวกเขารู้ตั้งแต่แรกว่า ไม่มีกฎหมายสนับสนุน และมีโอกาสที่พวกเขาจะไม่ได้รับเลี้ยงดูลูก เขาก็คงไม่เริ่มต้นการผสมเทียมและอุ้มบุญในครั้งนี้

          โดยช่วงคลอดคาร์เมน พวกเขาได้ไปเยี่ยมเธอที่โรงพยาบาลและเอาดอกไม้ไปมอบให้ ซ้ำยังพา อัลบาโร่ ลูกชายของเขา (ซึ่งเกิดจากการอุ้มบุญเช่นกัน) ไปเยี่ยมเธอด้วย ก่อนจะพาคาร์เมนออกจากโรงพยาบาลด้วยความยินยอมของแม่อุ้มบุญ แต่เมื่อถึงเวลานัดเจอกันที่สถานทูตอเมริกาเพื่อเซ็นเอกสารยินยอมให้พวกเขาได้สิทธิดูแลคาร์เมนต่อไป คุณแม่อุ้มบุญกลับไม่ยอมมาตามนัด เพราะต้องการที่จะเก็บคาร์เมนไว้เอง นั่นทำให้พวกเขาต้องติดอยู่ที่เมืองไทยมาเป็นเวลากว่า 6 เดือนแล้ว เพราะไม่สามารถเดินทางออกนอกประเทศพร้อมคาร์เมนได้ ในขณะที่พวกเขาก็ไม่ยอมให้แม่อุ้มบุญได้เจอกับคาร์เมนเลยในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา เนื่องจากพวกเขากลัวจะต้องเสียลูกสาวคนนี้ไป

          ไม่เพียงแต่คุณแม่อุ้มบุญจะไม่ให้ความร่วมมือกับพวกเขาเท่านั้น แต่กฎหมายเกี่ยวกับการอุ้มบุญของไทยเอง ก็ไม่รับรองการตั้งครรภ์แทนอย่างกรณีนี้ด้วย (อ่านรายละเอียดเรื่อง กฎหมายอุ้มบุญ คลิก) และแม้จะมีบทบัญญัติชั่วคราวที่อนุญาตให้พ่อแม่สามารถเรียกร้องสิทธิในการเป็นผู้ปกครองเด็กได้อย่างเต็มที่ แต่พวกเขาก็มองว่า มันเป็นการเลือกปฏิบัติ โดยคำบัญญัติว่า "สามีและภรรยา" ซึ่งเหมือนเป็นการปิดเส้นทางของพวกเขาในการพาลูกสาวกลับบ้าน

          ทั้งนี้ คู่รักชายหนุ่มจากสหรัฐฯ ทั้ง 2 ได้จัดแคมเปญรณรงค์เพื่อพาคาร์เมนกลับประเทศ ผ่านเว็บไซต์ change.org ซึ่งก็มีผู้เข้ามาลงชื่อแล้วกว่า 1 หมื่นราย ขณะเดียวกัน พวกเขาก็ได้เขียนข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Bringcarmenhome ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อหาทางพาคาร์เมน ลูกสาวของพวกเขากลับบ้าน โดยฝากถึง "คุณปทิตตา" แม่อุ้มบุญชาวไทย ว่าขอบคุณที่ให้กำเนิดคาร์เมน พวกเขาซาบซึ้งและจะระลึกถึงคุณเสมอ ก่อนเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับน้องคาร์เมนและปัญหาของพวกเขา เขาเองไม่ได้ร่ำรวย แต่ก็เก็บสะสมเงินมานานเพื่อเริ่มต้นจะมีครอบครัว เริ่มจากมีอัลบาโร่ ลูกชายคนโต เมื่อ 2 ปีก่อน และมีลูกสาว คาร์เมน ในปีนี้ แต่เพราะคุณแม่อุ้มบุญเปลี่ยนใจไม่ยอมทำตามข้อตกลง พวกเขาจึงต้องทำแคมเปญเพื่อหาเงินในการอยู่ที่นี่ต่อ และเลี้ยงดูลูกทั้ง 2 ในไทย รวมถึงจ้างทนายความในการดำเนินการทางกฎหมาย พร้อมวอนขอให้คุณแม่อุ้มบุญเห็นใจ อนุญาตให้คาร์เมนกลับบ้านไปกับพวกเขา เขาสัญญาว่าจะเป็นผู้ปกครองที่ดีที่สุด และคาร์เมนจะเติบโตด้วยความสุขและความสมบูรณ์ต่อไป รวมถึงจะไม่กีดกันคุณแม่อุ้มบุญ โดยจะให้ "คุณปทิตตา" สามารถติดต่อกับคาร์เมนได้ และมาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเธอด้วยตลอดไป


          อย่างไรก็ดีหากดูจากเรื่องข้อกฎหมายแล้ว หลายคนมองว่า สิทธิในการเลี้ยงดูเด็ก น่าจะเป็นของแม่อุ้มบุญ ในฐานะเป็นแม่ผู้ให้กำเนิด เนื่องจากกฎหมายไทยให้สิทธิในการอุ้มบุญ เฉพาะพ่อแม่ที่เป็นชาวไทยทั้งคู่ หรือฝ่ายหนึ่งเป็นคนไทย อีกฝ่ายเป็นชาวต่างชาติเท่านั้น หากเป็นชาวต่างชาติทั้งคู่ จะไม่อนุญาตให้หญิงไทยอุ้มบุญได้ เพราะเกรงจะซ้ำรอยปัญหาเดิม มดลูกหญิงไทยจะกลายเป็นมดลูกโลก

          ในขณะเดียวกัน ชาวเน็ตจำนวนมากต่างก็แสดงความเห็นใจ ร่วมด้วยช่วยแชร์และลงชื่อในแคมเปญ "ช่วยหนูน้อยคาร์เมนให้ได้กลับบ้านพร้อมกับครอบครัวที่รักเธอ...ขอสิทธิความเป็น 'ผู้ปกครอง' สำหรับบุคคลเพศเดียวกัน" เพื่อหวังจะให้คาร์เมน สามารถกลับบ้านไปอยู่กับครอบครัวของเธอได้ในที่สุด


แม่อุ้มบุญชาวไทย ยันไม่ยก "น้องคาร์เมน" ให้คู่เกย์จากสหรัฐฯ หลังพบพฤติกรรมน่าสงสัย


          ล่าสุด วันที่ 22 กรกฎาคม 2558 รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ช่อง 3 เปิดเผยว่า คุณออย (นามสมมติ) แม่อุ้มบุญชาวไทย เล่าว่า จริง ๆ ตนเองมีครอบครัวแล้ว ปัจจุบันก็มีลูกสาว อายุ 15 ปี ส่วนเรื่องฐานะครอบครัวของตนก็ค่อนข้างดี เนื่องจากสามีมีกิจการเป็นตัวแทนขายสินค้า สำหรับเหตุผลที่ตัดสินใจเป็นแม่อุ้มบุญนั้น เพราะอยากช่วยเหลือคู่สามีภรรยาที่มีลูกยาก และต้องการที่จะมีลูกจริง ๆ ซึ่งในการเป็นแม่อุ้มบุญครั้งนี้ ตนก็ไม่ได้บอกสามีให้ทราบ

          คุณออย เล่าต่อว่า เมื่อตัดสินใจจะเป็นแม่อุ้มบุญ ตนก็ติดต่อไปยังบริษัทเอเจนซี่ตามที่ได้ข้อมูลจากในอินเทอร์เน็ต ก่อนจะมีการนัดหมายเซ็นสัญญากันที่ตึกแห่งหนึ่งย่านเพลินจิต ซึ่งตอนเซ็นสัญญาทางคุณน้อยหน่า ที่เป็นเอเจนซี่ก็ไม่ได้บอกตนว่า คู่สามีภรรยาที่ตนรับอุ้มบุญให้เป็นใคร ทราบแค่ว่า เป็นชาวออสเตรเลีย ก่อนจะมาทราบหลังจากคลอดน้องคาร์เมนว่า เป็นคู่ชายรักชายจากสหรัฐฯ

          และในระหว่างตั้งครรภ์ตนก็ไม่เคยพบกับผู้ว่าจ้างอุ้มบุญเลย จนกระทั่งก่อนคลอดน้องคาร์เมนเพียง 1 วัน ตนถึงได้มีโอกาสพบผู้ว่าจ้างให้อุ้มบุญ ซึ่งตอนนั้น ตนก็รู้สึกผิดสังเกต เพราะไม่เห็นคนที่กำลังจะเป็นพ่อมีความกระตือรือร้นเลย โดยหลังจากคลอดน้องคาร์เมน ตนก็ไม่มีโอกาสเข้าไปหาน้องคาร์เมนแม้แต่ครั้งเดียว โดยคู่ชายรักชายจากสหรัฐฯ ได้พา อัลบาโร่ ลูกชายที่เกิดจากการอุ้มบุญ มาหาน้องคาร์เมนด้วยกัน

          ต่อมาเมื่อน้องคาร์เมน คลอดได้ 3 วัน คู่ชายรักชายจากสหรัฐฯ ก็ได้พาตัวน้องคาร์เมนออกจากโรงพยาบาล โดยตนได้มีโอกาสแตะตัวน้องคาร์เมนเพียงครั้งเดียวเท่านั้น และก่อนที่จะออกจากโรงพยาบาล ตนได้ไปพบเอกสารว่า คู่ชายรักชายจากสหรัฐฯ ได้ไปว่าจ้างหญิงไทยอีกคนให้ทำการอุ้มบุญ ในเวลาไล่เลี่ยกับตน ทำให้ตนเริ่มสงสัยว่าทั้งคู่ต้องการจะมีบุตรจริง ๆ หรือเป็นขบวนการค้ามนุษย์กันแน่เพราะหากทั้งคู่ต้องการน้องคาร์เมนจริง ก็ไม่มีเหตุผลที่จะไปจ้างแม่อุ้มบุญคนอื่นอีก ตอนนั้นที่ตนตัดสินใจมอบน้องคาร์เมนให้ทั้งคู่ ก็เพราะเอเจนซี่บอกว่า หากไม่ให้น้องคาร์เมนไป ตนจะถูกฟ้อร้องเรียกค่าเสียหายเป็นล้านบาท

          คุณออย เล่าต่อว่า เหตุผลที่ตนติดต่อหาทั้งคู่ ก็เพราะอยากทราบว่า น้องคาร์เมนมีความเป็นอยู่อย่างไร ไม่ได้ประสงค์ที่จะลักพาตัวน้องคาร์เมน ส่วนเรื่องที่ภาพปืนที่ตนโพสต์นั้น ก็เป็นภาพเก่านาน 2 ปี และตนก็ไม่ต้องการเรียกร้องเงินเพิ่ม แม้จะมีเสนอเงินเพิ่มให้อีก 5 แสนบาท โดยตนพร้อมทั้งยินดีคืนเงินค่าจ้างทั้งหมดให้ สุดท้าย หากต้องไปต่อสู้กันในชั้นศาลตนก็ยินดี


***หมายเหตุ : อัพเดทข้อมูลล่าสุดเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 22 กรกฎาคม 2558

ภาพจาก รายการเรื่องเล่าเช้านี้,  เฟซบุ๊ก Bringcarmenhome
ที่มา: http://baby.kapook.com/view124777.html

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

หลุดสาวหน้าคล้ายซิดนี่ซึ่งปากบอกไม่รับงาน AV9นิ้ว

หลุดสาวหน้าคล้ายซิดนี่ซึ่งปากบอกไม่รับงาน AV9นิ้ว  หลุดสาวหน้าคล้ายซิดนี่ ซึ่งปากบอกว่าไม่ แต่กลับเจอแบบนี้ว่อนเนต เกิด ภาพหลุด สาวสวยเต็มไปด้วยรอยสัก สาวหน้าคล้ายซิดนี่่ เปลือยผ้านอนเป็นรูปภาพที่ไม่แน่ใจว่าทำอะไรอยู่ แต่หน้าคล้ายซิดนี ทำเอาโลกโซเชียลสงสัย ว่าใช่ซิดนีตัวจริงหรือตัวปลอม หรือเป็นเพียงภาพตัดต่อ ทุกคนรอคำตอบ เรามิได้จะกล่าวหาซิดนี่แต่อย่างใดแต่ เพียงอยากรู้ว่าสาวในรูปนั้นใช่ซิดนี่จริงๆหรือเป็นเพียงการตัดต่อ      
กลับมาแล้ว! ปลุกตำนาน "อังกอร์" กับเสือสาวหน้าใหม่ จับ "โอม-อัชชา" ประกบนางเอกน้องใหม่ "บูม-สุภาพร" เรียกได้ว่าสิ้นสุดการรอคอยสำหรับสาวกคนรักเสือสาว ที่งานนี้ผู้กำกับฯมากฝีมือ "กู๊ด-เฉิดบุญ ฉลองภักดีวิจิตร" แห่ง ค่าย อาหลองจูเนียร์ ปลุกตำนาน "อังกอร์" ถือฤกษ์ดีลั่นฆ้องบวงสรวงเป็นที่เรียบร้อย เมื่อเช้าวันพฤหัสบดี ที่ 12 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ณ บ้านคุณฉลอง ภักดีวิจิตร โดยมีนักแสดงเข้าร่วมงานคับคั่ง นำโดย พระเอกหนุ่มมาดเข้ม "โอม-อัชชา นามปาน" ที่มารับหน้าที่เป็นป๋าดัน ส่งน้องใหม่ไฟแรง "บูม-สุภาพร วงษ์ถ้วยทอง" ขึ้นแท่นนางเอกเสือสาวคนล่าสุด ร่วมด้วย ต๊ะ-วริษฐ์ ทิพโกมุท, ณมน-พัชรวลัย พงษ์ภมร, นิวส์-นริศสันต์ โลกวิทย์, เบล-สวรรยา เลียงประสิทธิ์, โอ-อนุชิต สพันธุ์พงษ์, ตั๊ก-นภัสกร มิตรเอม, วินัย ไกรบุตร, ชาติชาย งามสรรพ์, โกวิท วัฒนกุล, เล็ก ไอศูรย์, ศิระ รัตนโภคาสถิต, จิราวัฒน์ วชิรศรัณย์ภัทร, จรินทร์ พรหมรังษี, ธนกฤต อยู่โต, กานตพนธ์ บุญเสริม ฯลฯ โดยบรรยากาศในพิธีบวงสรวงครั้งนี้เต็มไปด้วยความคึกคัก สื่อมวลชนเข้าร่วมง...

เหตุการณ์ระเบิดครั้งใหญ่ที่จีน เมืองเทียนจิน

เหตุการณ์ระเบิดครั้งใหญ่ที่จีน เมืองเทียนจิน  ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน มีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ทุกระดับชั้น ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บอย่างสุดความสามารถ หลังเกิดเหตุระเบิดสุดสยอง รุนแรงสนั่นหวั่นไหวที่เมืองเทียนจิน คร่า 44 ศพ บาดเจ็บกว่า 500 คน สื่อท้องถิ่นชี้เหตุระเบิด เกิดที่โกดังเก็บวัตถุเคมีและสารอันตราย รุนแรงเหมือนแผ่นดินไหว และเทียบเท่ากับระเบิด TNT  ถึง 24 ตัน  เมื่อวันที่ 13 ส.ค.58 สำนักข่าวซินหัว กระบอกเสียงของทางการจีน รายงานว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และนายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง ของจีน ได้เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ทุกระดับชั้น ดำเนินการทุกอย่างอย่างสุดความสามารถในการช่วยชีวิตผู้บาดเจ็บหลายร้อยคน จากเหตุระเบิดรุนแรงครั้งใหญ่ ที่เมืองเทียนจิน เมืองท่าริมทะเล ทางภาคเหนือ เมื่อคืนวันพุธที่ 12 ส.ค.ที่ผ่านมา เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 44  ศพ และบาดเจ็บกว่า 500 คน อีกทั้งยังมีผู้สูญหายอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งขณะนี้ ยังไม่ทราบตัวเลขแน่ชัด ขณะที่ สถานีโทรทัศน์ซีซีทีวี แจ้งว่า มีพนักงานดับเพลิงเ...