ชาวบ้านตื่นตา! พบม้าน้ำในแม่น้ำบางปะกงอีกครั้ง
ภาพลูกม้าน้ำที่ชอบได้ในแม่น้ำบางปะกง
ชาวบ้านผู้เลี้ยงปลากะพงสุดดีใจ หลังพบม้าน้ำว่ายเข้ามาหากินในแม่น้ำบางปะกงพร้อมลูกปลากะพงดำอีกครั้ง เชื่อหากพบสัตว์สองประเภทนี้คุณภาพน้ำต้องดีมาก เนื่องจากปล่อยน้ำเสียน้อยลง...
ชาวบ้านผู้เลี้ยงปลากะพงสุดดีใจ หลังพบม้าน้ำว่ายเข้ามาหากินในแม่น้ำบางปะกงพร้อมลูกปลากะพงดำอีกครั้ง เชื่อหากพบสัตว์สองประเภทนี้คุณภาพน้ำต้องดีมาก เนื่องจากปล่อยน้ำเสียน้อยลง...
เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 8 เม.ย. 58 มีรายงานว่า นายสุทิน วุฒิสินธุ์ อายุ 79 ปี เจ้าของบ้านเลขที่ 133 ม.10 ต.บางปะกง อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา ว่าพบม้าน้ำ และลูกปลากะพงดำ ที่กระชังเลี้ยงปลากะพงที่เลี้ยงอยู่ภายในแม่น้ำบางปะกง ตรวจสอบพบว่านายสุทินได้นำม้าน้ำและลูกปลากะพงดำ มาใส่โหลและเปิดออกซิเจนไว้

โดยนายสุทิน เปิดเผยว่า คนที่พบคนแรกคือนางพัชรา รัตนเวคิน อายุ 57 ปี ซึ่งเป็นญาติกัน โดยพบขณะกำลังเดินให้อาหารปลากะพงในแม่น้ำบางปะกง โดยปกติน้ำในแม่น้ำบางปะกงจะมีคุณภาพต่ำ โดยเป็นมาตั้งแต่ช่วงน้ำท่วมปี 56 และมีการปล่อยน้ำเสียระบายลงแม่น้ำบางปะกงอยู่บ่อยครั้งทำให้ปลากะพงที่ชาวบ้านเลี้ยงไว้นั้นตายลงเป็นจำนวนมาก ทำให้จากที่เคยมีผู้เลี้ยงปลากะพงประมาณ 300 ราย ตอนนี้ก็ลดลงเหลือเพียง 20-25 รายเท่านั้น เนื่องจากขาดทุน มีหนี้สินจากการลงทุนหลายล้านบาท
ทั้งนี้ การพบม้าน้ำในแม่น้ำบางปะกงในครั้งนี้ถือว่าเป็นเรื่องแปลก โดยปีที่แล้วก็พบม้าน้ำและลูกปลากะพงดำ โดยสามารถช้อนขึ้นมานับได้เกือบ 100 ตัว ในช่วงตั้งแต่เดือนเมษายน จนถึงพฤษภาคม 2557 ซึ่งตั้งแต่เลี้ยงปลากะพงมาก็เพิ่งเคยเห็นสัตว์น้ำ 2 ประเภทนี้เข้ามาหากินในแม่น้ำบางปะกง ในปีนี้พอต้นเดือนเมษายน ทั้งคนนายสุทินเอง หรือคนเลี้ยงปลากะพงในพื้นที่ต่างก็เริ่มจับจ้องน้ำในแม่น้ำบางปะกง เพราะจะต้องเห็นลูกม้าน้ำว่ายไปมา แต่ด้วยขนาดลำตัวที่เล็ก บางครั้งก็สังเกตได้ยาก แต่เมื่อช้อนขึ้นมาดูก็จะปล่อยกลับคืนสู่ธรรมชาติต่อไป
ส่วนลูกปลากะพงดำนั้น ก็เป็นปลาที่หายากในเขตแม่น้ำบางปะกงเช่นเดียวกัน เพราะสี และขนาดจะเหมือนลูกปลากะพงขาวแต่จะแตกต่างกันที่ลวดลายบนลำตัวที่จะมีสีสันมากกว่า โดยปีนี้น้ำในแม่น้ำบางปะกงนั้นเข้าสู่สภาวะเค็มตั้งแต่ช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน 2557 ที่ผ่านมา จึงทำให้ปลากะพงที่เลี้ยงไว้ก็ยังเจริญเติบโตตามปกติ หากไม่มีการระบายน้ำเสีย หรือคุณภาพต่ำลงมาจากประตูระบายน้ำที่เป็นย่านอุตสาหกรรมต่างๆ ก็จะทำให้ปลากะพงที่เลี้ยงไว้ไม่ตายหรือตายจำนวนมาก
ด้านนายสุวรรณ นันทศรุต ผู้อำนวยการสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 13 (ชลบุรี) เปิดเผยว่า ทุกๆ เดือนจะส่งคณะทำงานลงพื้นที่มาตรวจคุณภาพน้ำ ซึ่งเป็นส่วนเฝ้าระวังและเตือนภัย จะดำเนินการติดตามตรวจสอบคุณภาพน้ำในแม่น้ำบางปะกง และคลองพานทอง จ.ฉะเชิงเทรา โดยจะลงเก็บตัวอย่างคุณภาพน้ำในแม่น้ำบางปะกงจำนวน 13 จุด เพื่อนำไปตรวจวิเคราะห์คุณภาพน้ำทางด้านกายภาพ เคมี และแบคทีเรีย
โดยคุณภาพน้ำในแม่น้ำบางปะกงส่วนใหญ่อยู่ในเกณฑ์เสื่อมโทรม คิดเป็นร้อยละ 53.85 โดยคุณภาพน้ำอยู่ในเกณฑ์พอใช้ ร้อยละ 38.46 และเกณฑ์ดี ร้อยละ 7.69 ของจุดเก็บ โดยปัญหาคุณภาพน้ำที่พบเกินมาตรฐาน ส่วนใหญ่เป็นค่าความสกปรกในรูปสารอินทรีย์ (BOD) คิดเป็นร้อยละ 38.46 รองลงมาคือ การปนเปื้อนแบคทีเรียกลุ่มฟีคอลโคลิฟอร์ม (FCB) ร้อยละ 23.07 และปนเปื้อนแบคทีเรียกลุ่มโคลิฟอร์มทั้งหมด (TCB) และแอมโมเนีย ร้อยละ 7.69 ของจุดเก็บ
ขณะที่พื้นที่ที่พบปัญหาคุณภาพน้ำ ซึ่งบริเวณที่พบค่าความสกปรกในรูปสารอินทรีย์ (BOD) สูงเกินมาตรฐาน จำนวน 4 จุด ได้แก่ บริเวณสะพานบางปะกง บริเวณท้ายหมู่บ้าน ม.10 ต.บางปะกง วัดสมานรัตนาราม อ.เมือง และบริเวณท้ายเขื่อนทดน้ำบางปะกง บริเวณที่พบการปนเปื้อนแบคทีเรียกลุ่มฟีคอลโคลิฟอร์ม (FCB) สูงเกินมาตรฐาน จำนวน 3 จุด ได้แก่ ท้ายหมู่บ้าน ม.10 ต.บางปะกง ท่าเรืออำเภอบางคล้า และวัดหัวไทร อ.บางคล้า พบทั้ง (TCB และ FCB) บริเวณที่พบค่าแอมโมเนียสูงเกินมาตรฐาน ได้แก่ บริเวณปากแม่น้ำบางปะกง
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์คุณภาพน้ำในคลองพานทองอยู่ในเกณฑ์เสื่อมโทรมอย่างต่อเนื่อง ปัญหาคุณภาพน้ำที่พบเกินมาตรฐานได้แก่ ค่าความสกปรกในรูปสารอินทรีย์ (BOD) การปนเปื้อนแบคทีเรีย (TCB และ FCB) และค่าแอมโมเนียสูงเกินมาตรฐาน.