แห่ดู!ฟอสซิลประหลาดเชื่อเป็นซากพญานาค
ฮือฮา! แห่ดูฟอสซิลลักษณะประหลาด ชาวบ้านเชื่อเป็นซากพญานาค หลังพบในถ้ำติดแม่น้ำโขง ด้านนักวิชาการชี้เป็น ‘กรามช้าง’
23 กุมภาพันธ์ 2558 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ห้องรับรองเจ้าคณะจังหวัดอุตรดิตถ์ วัดท่าไม้เหนือ หมู่ 5 บ้านท้ายน้ำ ตำบลบ้านหม้อ อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ ชาวบ้านแห่ดูฟอสซิล หรือกระดูก ส่วนหัวของสัตว์ชนิดหนึ่ง ที่ชาวบ้านเชื่อกันว่าเป็นซากของพญานาคตายมานานแล้ว ซึ่งพระครูวิสุทธิปัญญาสาร เจ้าคณะจังหวัดอุตรดิตถ์ ได้จัดวางไว้ในอ่างน้ำขนาดเล็ก ด้านหน้าโต๊ะหมู่บูชาองค์พระแก้วมรกตภายในห้องรับรองเจ้าคณะจังหวัดอุตรดิตถ์
ผู้สื่อข่าวรานงานว่า ชาวบ้านต่างตื่นเต้นและนำโทรศัพท์มือถือขึ้นมาขอถ่ายรูป และแชร์กันต่อๆไป เพราะไม่เคยพบเห็นที่ไหนมาก่อนเลยในชีวิตนี้ พร้อมใช้มือสัมผัส เนื่องจากเชื่อว่าหากได้สัมผัสแล้วจะเกิดความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตตนเอง พร้อมนำซากของสัตว์ชนิดดังกล่าว ขึ้นวางไว้บนศีรษะหรือหัวของตนเองพร้อมอธิฐานขอพร หากเป็นซากพญานาคจริงขอให้พบแต่สิ่งที่ดีในชีวิตและขอให้มีโชคมีลาภ
นายกมล จาดเรือง กรรมการวัด กล่าวว่า ซากฟอสซิลหงอนพญานาคที่พบเห็นนี้ ไม่สามารถคำนวณอายุได้ ลูกศิษย์จากจังหวัดหนองคาย นำมามอบให้กับ เจ้าคณะจังหวัดอุตรดิตถ์เพราะเห็นว่าวัดอยู่ติดกับแม่น้ำน่าน พร้อมระบุว่า หงอนพญานาคนี้ชาวบ้านไปพบอยู่ในถ้ำแห่งหนึ่งติดกับแม่น้ำโขง ในพื้นที่แขวงสุวรรณเขตของลาว
โดยฟอสซิลหงอนพญานาค เป็นส่วนฟันกรามบนจรดถึงหัวและส่วนหงอน ซึ่งตั้งอยู่บนหัวของสัตว์ชนิดนี้มีความกว้างประมาณ 6 นิ้ว ยาว 10 นิ้วน้ำหนัก ประมาณ 2 กิโลกรัม ประกอบด้วย กระดูกฟันส่วนกรามบน จำนวน 26 ซีก ขาดฟันกรามล่างไป กระดูกส่วนครีบด้านซ้ายและด้านขวารวม จำนวน 26 ซีก กระดูกส่วนครีบในตรงกลาง 7 คู่ กระดูกส่วนหงอนซึ่งอยู่ด้านบนหัว จำนวน 5 คู่ ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตและครอบครัว เพราะตามความเชื่อพญานาคอยู่กับน้ำ นำความอุดมสมบูรณ์มาสู่ชาวจังหวัดอุตรดิตถ์
“ทางเจ้าคณะจังหวัดอุตรดิตถ์ จึงได้มอบหมายให้ทางคณะกรรมการเป็นผู้ดูแล พร้อมจัดจัดหาสถานที่เหมาะสมดูดี นำซากพญานาคส่วนหัวนี้ตั้งโชว์เอาไว้ เพื่อให้คนในพื้นที่จังหวัดอุตรดิตถ์และใกล้เคียงได้ศึกษา” นายกมล กล่าว
โอละพ่อ! นักวิชาการชี้ ‘ซากพญานาค’ ที่แท้เป็น ‘กรามช้าง’
ดร.กิตติ เมืองตุ้ม นักวิชาการหลักสูตรชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ กล่าวว่า จากกรณีชาวบ้านแห่ไปที่วัดท่าไม้เหนือ หมู่ 5 บ้านท้ายน้ำ ตำบลบ้านหม้อ อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ เพื่อดูฟอสซิล หรือกระดูกส่วนหัวของสัตว์ชนิดหนึ่ง ที่ชาวบ้านเชื่อกันว่าเป็นซากของพญานาคตายมานานแล้ว โดยฟอสซิลหงอนพญานาค เป็นส่วนฟันกรามบนจรดถึงหัวและส่วนหงอนซึ่งตั้งอยู่บนหัวของสัตว์ชนิดนี้มีความกว้างประมาณ 6 นิ้ว ยาว 10 นิ้ว น้ำหนัก ประมาณ 2 กิโลกรัม ประกอบด้วย กระดูกฟันส่วนกรามบน จำนวน 26 ซีก ขาดฟันกรามล่างไป กระดูกส่วนครีบด้านซ้ายและด้านขวารวม จำนวน 26 ซีก กระดูกส่วนครีบในตรงกลาง 7 คู่ กระดูกส่วนหงอนซึ่งอยู่ด้านบนหัว จำนวน 5 คู่
ทั้งนี้ จากที่ดูตามภาพเทียบกับข้อมูลตามหลักวิชาการ ลักษณะคล้ายส่วนกรามสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่ หรือกรามของช้าง หากต้องการตรวจสอบเรื่องของอายุว่าดึกดำบรรพ์ กรมทรัพยากรธรณี สามารถตรวจสอบได้ ซึ่งเป็นความเชื่อของชาวบ้าน ที่สามารถคิดและกระทำได้ เรื่องของความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตและครอบครัว
ฮือฮา! แห่ดูฟอสซิลลักษณะประหลาด ชาวบ้านเชื่อเป็นซากพญานาค หลังพบในถ้ำติดแม่น้ำโขง ด้านนักวิชาการชี้เป็น ‘กรามช้าง’
23 กุมภาพันธ์ 2558 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ห้องรับรองเจ้าคณะจังหวัดอุตรดิตถ์ วัดท่าไม้เหนือ หมู่ 5 บ้านท้ายน้ำ ตำบลบ้านหม้อ อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ ชาวบ้านแห่ดูฟอสซิล หรือกระดูก ส่วนหัวของสัตว์ชนิดหนึ่ง ที่ชาวบ้านเชื่อกันว่าเป็นซากของพญานาคตายมานานแล้ว ซึ่งพระครูวิสุทธิปัญญาสาร เจ้าคณะจังหวัดอุตรดิตถ์ ได้จัดวางไว้ในอ่างน้ำขนาดเล็ก ด้านหน้าโต๊ะหมู่บูชาองค์พระแก้วมรกตภายในห้องรับรองเจ้าคณะจังหวัดอุตรดิตถ์
ผู้สื่อข่าวรานงานว่า ชาวบ้านต่างตื่นเต้นและนำโทรศัพท์มือถือขึ้นมาขอถ่ายรูป และแชร์กันต่อๆไป เพราะไม่เคยพบเห็นที่ไหนมาก่อนเลยในชีวิตนี้ พร้อมใช้มือสัมผัส เนื่องจากเชื่อว่าหากได้สัมผัสแล้วจะเกิดความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตตนเอง พร้อมนำซากของสัตว์ชนิดดังกล่าว ขึ้นวางไว้บนศีรษะหรือหัวของตนเองพร้อมอธิฐานขอพร หากเป็นซากพญานาคจริงขอให้พบแต่สิ่งที่ดีในชีวิตและขอให้มีโชคมีลาภ
นายกมล จาดเรือง กรรมการวัด กล่าวว่า ซากฟอสซิลหงอนพญานาคที่พบเห็นนี้ ไม่สามารถคำนวณอายุได้ ลูกศิษย์จากจังหวัดหนองคาย นำมามอบให้กับ เจ้าคณะจังหวัดอุตรดิตถ์เพราะเห็นว่าวัดอยู่ติดกับแม่น้ำน่าน พร้อมระบุว่า หงอนพญานาคนี้ชาวบ้านไปพบอยู่ในถ้ำแห่งหนึ่งติดกับแม่น้ำโขง ในพื้นที่แขวงสุวรรณเขตของลาว
โดยฟอสซิลหงอนพญานาค เป็นส่วนฟันกรามบนจรดถึงหัวและส่วนหงอน ซึ่งตั้งอยู่บนหัวของสัตว์ชนิดนี้มีความกว้างประมาณ 6 นิ้ว ยาว 10 นิ้วน้ำหนัก ประมาณ 2 กิโลกรัม ประกอบด้วย กระดูกฟันส่วนกรามบน จำนวน 26 ซีก ขาดฟันกรามล่างไป กระดูกส่วนครีบด้านซ้ายและด้านขวารวม จำนวน 26 ซีก กระดูกส่วนครีบในตรงกลาง 7 คู่ กระดูกส่วนหงอนซึ่งอยู่ด้านบนหัว จำนวน 5 คู่ ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตและครอบครัว เพราะตามความเชื่อพญานาคอยู่กับน้ำ นำความอุดมสมบูรณ์มาสู่ชาวจังหวัดอุตรดิตถ์
“ทางเจ้าคณะจังหวัดอุตรดิตถ์ จึงได้มอบหมายให้ทางคณะกรรมการเป็นผู้ดูแล พร้อมจัดจัดหาสถานที่เหมาะสมดูดี นำซากพญานาคส่วนหัวนี้ตั้งโชว์เอาไว้ เพื่อให้คนในพื้นที่จังหวัดอุตรดิตถ์และใกล้เคียงได้ศึกษา” นายกมล กล่าว
โอละพ่อ! นักวิชาการชี้ ‘ซากพญานาค’ ที่แท้เป็น ‘กรามช้าง’
ดร.กิตติ เมืองตุ้ม นักวิชาการหลักสูตรชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์ กล่าวว่า จากกรณีชาวบ้านแห่ไปที่วัดท่าไม้เหนือ หมู่ 5 บ้านท้ายน้ำ ตำบลบ้านหม้อ อำเภอพิชัย จังหวัดอุตรดิตถ์ เพื่อดูฟอสซิล หรือกระดูกส่วนหัวของสัตว์ชนิดหนึ่ง ที่ชาวบ้านเชื่อกันว่าเป็นซากของพญานาคตายมานานแล้ว โดยฟอสซิลหงอนพญานาค เป็นส่วนฟันกรามบนจรดถึงหัวและส่วนหงอนซึ่งตั้งอยู่บนหัวของสัตว์ชนิดนี้มีความกว้างประมาณ 6 นิ้ว ยาว 10 นิ้ว น้ำหนัก ประมาณ 2 กิโลกรัม ประกอบด้วย กระดูกฟันส่วนกรามบน จำนวน 26 ซีก ขาดฟันกรามล่างไป กระดูกส่วนครีบด้านซ้ายและด้านขวารวม จำนวน 26 ซีก กระดูกส่วนครีบในตรงกลาง 7 คู่ กระดูกส่วนหงอนซึ่งอยู่ด้านบนหัว จำนวน 5 คู่
ทั้งนี้ จากที่ดูตามภาพเทียบกับข้อมูลตามหลักวิชาการ ลักษณะคล้ายส่วนกรามสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดใหญ่ หรือกรามของช้าง หากต้องการตรวจสอบเรื่องของอายุว่าดึกดำบรรพ์ กรมทรัพยากรธรณี สามารถตรวจสอบได้ ซึ่งเป็นความเชื่อของชาวบ้าน ที่สามารถคิดและกระทำได้ เรื่องของความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิตและครอบครัว