ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ศรีรัศมิ์ ได้สละพระราชอิสริยยศ

ข่าวแพร่หลายในเวป Andrew MacGregor Marshall : EXCLUSIVE — Srirasmi, third wife of Thailand's Crown Prince Vajiralongkorn, has renounced her royal status. Now a commoner once again




EXCLUSIVE — ศรีรัศมิ์ พระชายาองค์ที่ 3 ของสมเด็จพระบรมฯ ได้สละพระราชอิสริยยศและส่งคืนเครื่องประดับทั้งหมดกลับมาสู่การเป็นสามัญชนอีกครั้ง ขณะนี้ศรีรัศมิ์ได้ไปปฏิบัติธรรม ณ วัดแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงราย

EXCLUSIVE — Srirasmi, third wife of Thailand's Crown Prince Vajiralongkorn, has renounced her royal status and returned all her jewels. Now a commoner once again, she has retreated to a temple in Chiang Rai to meditate.
Source:


ข้อมูลจาก วิกิพีเดีย

เข้าสู่พระราชวงศ์

พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาฯ เริ่มเข้าถวายการรับใช้ในพระองค์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2536 โดยรับผิดชอบหน้าที่การงานในฐานะข้าราชการพลเรือนในพระองค์ นอกจากนี้ ยังได้ถวายงานสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในด้านศิลปาชีพ และได้ทรงจดทะเบียนสมรสตามกฎหมาย ต่อมาเข้ารับพระราชทานน้ำพระมหาสังข์จากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาขึ้นเป็น "หม่อมศรีรัศมิ์ มหิดล ณ อยุธยา" เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2544[13] โดยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงกล่าวว่า

เราอยากจะสร้างครอบครัวขึ้นมาให้ดี หม่อมมีหน้าที่ดูแลเรื่องต่าง ๆ ภายในบ้าน ดูแลข้าราชบริพาร รวมทั้งถวายงานสมเด็จฯ (สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ) เราใช้ชีวิตกันแบบสบาย ๆ ไม่มีอะไร...เราอายุ 50 ปีแล้ว ไม่อยากเริ่มต้นชีวิตใหม่ อยากได้ครอบครัวที่ดี ที่คนพอใจเป็นประโยชน์ คบได้ ไม่ใช่เป็นการเอาอะไรมาใส่ประชาชน แต่ขอให้ประชาชนยอมรับว่าคนนี้ใช้ได้ ถ้าเป็นหม่อมในพระบรมฯ ทุกคนก็ต้องกราบไหว้ มันก็พัง 
— สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร, 23 มกราคม 2545[14][15]

พระบิดาและพระมารดาของพระองค์รวมทั้งสมาชิกในครอบครัวได้รับพระราชทานนามสกุลจากสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฏราชกุมารว่า "อัครพงศ์ปรีชา"[8] เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2545[16] หม่อมศรีรัศมิ์ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ปฐมจุลจอมเกล้าฝ่ายใน เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2547 และได้ประสูติกาลพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ พระราชโอรส เมื่อวันที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2548[17] การนี้พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ สถาปนา หม่อมศรีรัศมิ์ มหิดล ณ อยุธยา ขึ้นดำรงพระอิสริยยศเป็น พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ พระวรชายาในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร [18]

วันที่ 29 พฤศจิกายน 2557 สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ทรงขอให้รัฐบาลริบนามสกุลพระราชทานของพระวรชายา ก่อนหน้านั้น มีการกวาดล้างญาติใกล้ชิดของพระองค์ซึ่งถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับการฉ้อราษฎร์บังหลวง[8] โดยทั้งหมดกลับไปใช้สกุลเดิมก่อนพระราชทานคือ "เกิดอำแพง"[19][20][21] ต่อมาข้อมูลนามสกุลนั้นผิด เมื่อตรวจสอบแล้วจึงเปลี่ยนให้ใช้ชื่อสกุลว่า "สุวะดี" อันเป็นชื่อสกุลเดิมทีแท้จริง[22] ตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557[16] ซึ่งสำนักข่าวบีบีซีมองว่า นี่อาจเป็นก้าวแรกที่จะนำไปสู่การหย่าร้างของทั้งสองพระองค์[8]

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

หลุดสาวหน้าคล้ายซิดนี่ซึ่งปากบอกไม่รับงาน AV9นิ้ว

หลุดสาวหน้าคล้ายซิดนี่ซึ่งปากบอกไม่รับงาน AV9นิ้ว  หลุดสาวหน้าคล้ายซิดนี่ ซึ่งปากบอกว่าไม่ แต่กลับเจอแบบนี้ว่อนเนต เกิด ภาพหลุด สาวสวยเต็มไปด้วยรอยสัก สาวหน้าคล้ายซิดนี่่ เปลือยผ้านอนเป็นรูปภาพที่ไม่แน่ใจว่าทำอะไรอยู่ แต่หน้าคล้ายซิดนี ทำเอาโลกโซเชียลสงสัย ว่าใช่ซิดนีตัวจริงหรือตัวปลอม หรือเป็นเพียงภาพตัดต่อ ทุกคนรอคำตอบ เรามิได้จะกล่าวหาซิดนี่แต่อย่างใดแต่ เพียงอยากรู้ว่าสาวในรูปนั้นใช่ซิดนี่จริงๆหรือเป็นเพียงการตัดต่อ      

เหตุการณ์ระเบิดครั้งใหญ่ที่จีน เมืองเทียนจิน

เหตุการณ์ระเบิดครั้งใหญ่ที่จีน เมืองเทียนจิน  ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ของจีน มีคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ทุกระดับชั้น ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บอย่างสุดความสามารถ หลังเกิดเหตุระเบิดสุดสยอง รุนแรงสนั่นหวั่นไหวที่เมืองเทียนจิน คร่า 44 ศพ บาดเจ็บกว่า 500 คน สื่อท้องถิ่นชี้เหตุระเบิด เกิดที่โกดังเก็บวัตถุเคมีและสารอันตราย รุนแรงเหมือนแผ่นดินไหว และเทียบเท่ากับระเบิด TNT  ถึง 24 ตัน  เมื่อวันที่ 13 ส.ค.58 สำนักข่าวซินหัว กระบอกเสียงของทางการจีน รายงานว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และนายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง ของจีน ได้เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ทุกระดับชั้น ดำเนินการทุกอย่างอย่างสุดความสามารถในการช่วยชีวิตผู้บาดเจ็บหลายร้อยคน จากเหตุระเบิดรุนแรงครั้งใหญ่ ที่เมืองเทียนจิน เมืองท่าริมทะเล ทางภาคเหนือ เมื่อคืนวันพุธที่ 12 ส.ค.ที่ผ่านมา เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 44  ศพ และบาดเจ็บกว่า 500 คน อีกทั้งยังมีผู้สูญหายอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งขณะนี้ ยังไม่ทราบตัวเลขแน่ชัด ขณะที่ สถานีโทรทัศน์ซีซีทีวี แจ้งว่า มีพนักงานดับเพลิงเ...
กลับมาแล้ว! ปลุกตำนาน "อังกอร์" กับเสือสาวหน้าใหม่ จับ "โอม-อัชชา" ประกบนางเอกน้องใหม่ "บูม-สุภาพร" เรียกได้ว่าสิ้นสุดการรอคอยสำหรับสาวกคนรักเสือสาว ที่งานนี้ผู้กำกับฯมากฝีมือ "กู๊ด-เฉิดบุญ ฉลองภักดีวิจิตร" แห่ง ค่าย อาหลองจูเนียร์ ปลุกตำนาน "อังกอร์" ถือฤกษ์ดีลั่นฆ้องบวงสรวงเป็นที่เรียบร้อย เมื่อเช้าวันพฤหัสบดี ที่ 12 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ณ บ้านคุณฉลอง ภักดีวิจิตร โดยมีนักแสดงเข้าร่วมงานคับคั่ง นำโดย พระเอกหนุ่มมาดเข้ม "โอม-อัชชา นามปาน" ที่มารับหน้าที่เป็นป๋าดัน ส่งน้องใหม่ไฟแรง "บูม-สุภาพร วงษ์ถ้วยทอง" ขึ้นแท่นนางเอกเสือสาวคนล่าสุด ร่วมด้วย ต๊ะ-วริษฐ์ ทิพโกมุท, ณมน-พัชรวลัย พงษ์ภมร, นิวส์-นริศสันต์ โลกวิทย์, เบล-สวรรยา เลียงประสิทธิ์, โอ-อนุชิต สพันธุ์พงษ์, ตั๊ก-นภัสกร มิตรเอม, วินัย ไกรบุตร, ชาติชาย งามสรรพ์, โกวิท วัฒนกุล, เล็ก ไอศูรย์, ศิระ รัตนโภคาสถิต, จิราวัฒน์ วชิรศรัณย์ภัทร, จรินทร์ พรหมรังษี, ธนกฤต อยู่โต, กานตพนธ์ บุญเสริม ฯลฯ โดยบรรยากาศในพิธีบวงสรวงครั้งนี้เต็มไปด้วยความคึกคัก สื่อมวลชนเข้าร่วมง...